ช็อค! ฟ้าขาวพ่ายซาอุเฉย-ตราไก่รัวแซงจิงโจ้ 4 เม็ด

0 คนดู

ตัวเก็งเต็งแชมป์โลก อาร์เจนติน่า สะดุดล้มหน้าคะมำตั้งแต่เกมเปิดหัวนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการแพ้พลิกล็อกต่อ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 ต่างไปจากแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ที่แม้จะโดน ออสเตรเลีย เจาะประตูนำไปก่อน แต่สุดท้ายเร่งเครื่องยิงรัวๆ จนชนะขาดลอย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

เกมนัดแรกของกลุ่มซี “ฟ้าขาว” ที่นำมาโดย ลิโอเนล เมสซี่, อังเคล ดิ มาเรีย, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ลงสนามพบ ซาอุฯ ด้วยความมั่นใจต่อชัยชนะ โดยเฉพาะการเล่นที่ครึ่งแรกเหนือกว่ามาก ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วในเพียงนาทีที่ 10 จากจุดโทษของ เมสซี่ และหลังจากนั้นทั้ง เมสซี่ และ เลาตาโร่ ต่างสบโอกาสทะลุเข้าไปซัดจมตาข่ายถึง 3 รอบ แต่กลับถูกจับล้ำหน้าทั้งหมด

กลายเป็นว่าครึ่งหลัง ซาอุฯ ของกุนซือชาวฝรั่งเศส แอร์กเว่ เรอนาร์ แก้เกมมาอย่างเหนือชั้น แซงนำ 2-1 จากการยิงของ ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48 และ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี น.53 พร้อมกับมีช็อตเซฟสำคัญ 2-3 หนจากนายทวาร โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส จนสุดท้ายเกมจบลงด้วยชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ของ ซาอุฯ

หลังจบเกม เมสซี่ กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ ซาอุฯ แบบไม่มีข้อแก้ตัว พร้อมมุ่งมั่นจะกำชัยอีก 2 เกมที่เหลือกับ เม็กซิโก และ โปแลนด์ เพื่อนำทีมพลิกกระดานผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ให้ได้

ซูเปอร์สตาร์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เพิ่งทำสถิติเป็นนักเตะคนที่ 5 ที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ 4 สมัย ต่อจาก เปเล่, อูเว่ ซีเลอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่กลับพ่ายแพ้ในเกมเริ่มต้นบอลโลกที่กาตาร์ กล่าวว่า “มันเป็นผลการแข่งขันที่หนักหน่วงสำหรับเรา เป็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด แต่เราต้องมั่นใจในตัวเองต่อไป ในกลุ่มนี้เราจะยังไม่ยอมแพ้ เราจะพยายามเอาชนะ เม็กซิโก ในเกมถัดไปให้ได้”

“เรารู้ว่า ซาอุฯ เป็นทีมที่มีผู้เล่นที่ดี เคลื่อนบอลได้ดี และเล่นแนวรับสูง เรากำลังหาทางจัดการกับเรื่องนี้อยู่ แต่เรารีบเร่งเกินไปหน่อย ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ในเกมนี้ เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ทีมนี้แข็งแกร่งและเราเคยแสดงให้เห็นแล้วในอดีต เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเริ่มต้นแบบนี้ แต่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นด้วยเหตุและผล ตอนนี้เราต้องชนะ มันขึ้นอยู่กับเรา ขอให้แฟนบอลเชื่อใจพวกเรา เราจะไม่ทำให้ผิดหวัง”

ด้านคู่ดึกวันอังคาร แชมป์เก่า ฝรั่งเศส ที่เจอปัญหานักเตะเจ็บ 6-7 รายในตลอดช่วงที่ผ่านมา แถมเกมนี้ ราฟาเอล วาราน ยังฟิตไม่ทันลงคุมหลังบ้าน ลงเล่นเกมแรกของกลุ่มดี พบกับ ออสเตรเลีย อีกหนึ่งตัวแทนจากเอเชีย

กลายเป็น “ซอคเกอรูส์” ที่พังตาข่ายนำไปก่อนอย่างเซอร์ไพรส์จาก เคร็ก กู๊ดวิน ในนาทีที่ 9 ทว่าหลังจากนั้นเมื่อ “เลส์ เบลอส์” ตั้งหลักได้แล้วก็ลุยเข้าใส่เป็นพายุ จนได้ประตูแบบดาหน้าเรียงยิง 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68 และ 4-1 ชิรูด์ เบิ้ลปิดกล่อง น.71 โดยเกมนี้ ฝรั่งเศส สร้างโอกาสยิงรวมได้ถึง 22 ครั้งทีเดียว

ในราย ชิรูด์ สองลูกที่ทำได้ ยังส่งให้ตัวเขาขึ้นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส ที่จำนวน 51 ประตู เทียบเท่ากับตำนานอย่าง เธียร์รี่ อองรี และจะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ทันทีถ้ายิงเพิ่มได้ในเกมถัดๆ ไปของบอลโลกหนนี้

ส่วนอีกสองคู่ของทั้งสองกลุ่ม ได้ผลเสมอไร้สกอร์ทั้งสองแมตช์ ทั้ง เดนมาร์ก ที่เสมอ ตูนิเซีย 0-0 (กลุ่มดี) และ เม็กซิโก เสมอ โปแลนด์ 0-0 (กลุ่มซี) โดยแมตช์หลัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงโปแลนด์ สังหารจุดโทษไปติดเซฟ กิเยร์โม่ โอชัว จนต้องยอมรับผลเสมอในที่สุด

สำหรับ อาร์เจนติน่า ความพ่ายแพ้นัดแรกทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการตกรอบแรกขึ้นมาทันที ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับให้พวกเขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้วในเกมนัดสองกับ เม็กซิโก เสาร์นี้ รวมถึงเกมปิดกลุ่มกับ โปแลนด์ ก็ควรชนะให้ได้อีกเช่นกันเพื่อเลี่ยงการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มซี ที่มีโอกาสสูงในการจะต้องเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปชนกับแชมป์เก่า ฝรั่งเศส นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาร์เจนติน่า ก็อาจทำใจดีสู้เสือได้อยู่ เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นแล้วในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ซึ่ง สเปน แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 ในเกมแรก แต่หลังจากนั้นก็เร่งเครื่องรวดเดียวจนขึ้นครองแชมป์โลกอย่างสวยงาม

แชร์ให้เพื่อน