ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอต-ฟ้าขาวเฮดวลเป้า

0 คนดู

สาดแข้งกันมาราธอน ลุ้นกันใจหายใจคว่ำสำหรับวันแรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อทั้งสองแมตช์ต่างลากยาวถึงการดวลจุดโทษ บราซิล ทำช็อกแพ้ โครเอเชีย 2-4 ร่วงไป อาร์เจนติน่า ก็หวิดไปเหมือนกันเมื่อโดน เนเธอร์แลนด์ ตามตีเสมอ 2-2 เฮือกท้าย แต่ยังเฉียบคมพอในการดวลเป้า จนชนะหวิว 4-3

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย วันศุกร์ที่ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 บราซิล ได้เฮสนั่นรับประตูนำ 1-0 จาก เนย์มาร์ กระนั้นก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของยักษ์อเมริกาใต้ โครเอเชีย ก็ตามตีคืน 1-1 ในนาที 117 บรูโน่ เพ็ตโควิช ปิดสกอร์ผ่าน อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้าไป

เท่ากับ 120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งผลออกมาว่า โรดรีโก้ โกเอส ยิงไปติดเซฟ โดมินิค ลิวาโควิช กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาเข้าอย่างจัง ในขณะที่ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร เท่ากับ โครเอเชียชนะ 4-2 แบบที่ เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด 

ผลออกมารูปนี้ทำให้ บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดก็เมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ด้าน โครเอเชีย ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน 

ส่วนคู่ดึกเป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ก็ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนจาก 40 นัดหลังสุด

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0 ก่อนตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ของเขาในฟุตบอลโลกครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับมาสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ น.83 และฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า ทำเสียหน้าเขตโทษ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรเขี่ยขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ 0-0 ตามด้วย สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ก็ยิงติดเซฟนายด่านฟ้าขาวอีกเช่นกัน ส่วนทางฝั่ง เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เป็นคนเดียวของอาร์เจนติน่าที่ซัดพลาด กดหลุดกรอบไปเอง ส่วนทั้ง เมสซี่, เลอันโดร ปาเรเดส, กอนซาโล่ มอนเทียล และมือสังหารปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ต่างก็ซัดไม่พลาด เข้าประตูทั้งหมด ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า 4-3

อาร์เจนติน่า ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารหน้า 13 ธ.ค.

แชร์ให้เพื่อน