ทีมขวัญใจมหาชน อังกฤษ เปิดประเดิมการเล่นฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างสวยหรูฟู่ฟ่า กราดยิง อิหร่าน ทีมแถวหน้าของเอเชีย ยับเยิน 6-2 เท่ากับโอกาสตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์มีสูงทันที โดยเฉพาะเมื่ออีกคู่ของกลุ่มบี เวลส์ ทำได้เพียงไล่ตามตีเสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 ด้านอีกหนึ่งทีมเต็ง เนเธอร์แลนด์ ฮึดขึ้นช่วงท้าย สยบ เซเนกัล 2-0
เกมเปิดหัวของกลุ่มบี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แกเร็ธ เซาธ์เกต นำทีมสิงโตลงชน อิหร่าน ด้วย 11 คนแรกที่ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์ แต่มาในระบบแผงแบ็กโฟร์ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ จอห์น สโตนส์ ส่วนเกมรุกวาง แฮร์รี่ เคน ค้ำหอกเป้า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ บูกาโย่ ซาก้า ขนาบข้าง
เกมต้องหยุดนานนับสิบนาทีหลังเริ่มเขี่ยไปราว 10 นาที เมื่อ อาลีเรซ่า เบรันวานด์ นายประตูอิหร่าน บาดเจ็บจากการเข้าปะทะกับเพื่อนร่วมทีม ก่อนจะต้องถูกเปลี่ยนออกให้มือสอง ฮอสเซน ฮอสไซนี่ ลงแทน และปรากฏว่า “สิงโตคำราม” ฉวยโอกาสจู่โจมเร็วเข้าใส่จนได้ประตูอย่างต่อเนื่องจาก จู๊ด เบลลิงแฮม น.35, บูกาโย่ ซาก้า น.43 และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น.45+1 ในครึ่งแรกที่มีการทดเวลาบาดเจ็บถึง 14 นาที
ลงต่อครึ่งหลัง อังกฤษ ยังเจอทางสะดวก ได้เพิ่มอีกสามประตูจาก ซาก้า น.62, มาร์คัส แรชฟอร์ด น.71 และ แจ๊ค กรีลิช น.90 ขณะที่ อิหร่าน ตีไข่แตกได้มาสองลูกจากการซัดของ เมห์ดี้ ทาเรมี่ ทั้งสองเม็ด น.65 และจุดโทษ น.90+13
อังกฤษ จบเกมด้วย 3 แต้มเต็มจากการถลุง อิหร่าน ขาดลอย 6-2 ด้านอีกคู่ของกลุ่มเดียวกันซึ่งลงเตะเป็นคู่ปิดท้ายของวัน เวลส์ ไล่ตีเสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 ช่วงท้ายจากจุดโทษของ แกเร็ธ เบล ภายหลังโดนนำในครึ่งแรกจาก ทิโมธี เวอาห์ ลูกชายของตำนานแข้งไลบีเรีย จอร์จ เวอาห์ ส่งผลให้เมื่อจบนัดแรก อังกฤษ นำจ่าฝูงมี 3 คะแนน ตามด้วย สหรัฐอเมริกา กับ เวลส์ มีทีมละแต้ม และ อิหร่าน ไม่มีคะแนน
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะครึ่งโหลเหนือ อิหร่าน ก็ยังต้องเซ่นสังเวยด้วยปัญหาบาดเจ็บของ 2 คีย์แมนอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ แฮร์รี่ เคน โดยปราการหลังจากแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องถูกเปลี่ยนออกจากสนามตอน 20 นาทีท้ายด้วยสภาพที่ไม่สู้ดีนัก กระนั้นหลังจบเกม แม็กไกวร์ก็ได้เผยผ่านทวิตเตอร์แล้วว่า เป็นเพราะตนรู้สึกป่วยขึ้นมา และที่ต้องออกจากสนามก็เพราะแค่กันไว้ก่อนเท่านั้น ไม่ได้หนักหนาร้ายแรงอะไร คาดเกมนัดสองกับ สหรัฐอเมริกา ศุกร์นี้ จะพร้อมลงเล่นได้ตามปกติ
ส่วนทาง แฮร์รี่ เคน ที่แม้จะไม่ยิงแต่ก็ทำ 2 แอสซิสต์นั้น โดนเสียบหนักใส่จนเจ็บข้อเท้า ก่อนเปลี่ยนออกใน 15 นาทีสุดท้าย ซึ่งหลังเกมพบว่ากัปตันทีมสิงโตคำรามต้องพันผ้าพันแผลที่ข้อเท้าค่อนข้างแน่นหนาทีเดียว แม้จะเดินได้เองโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงก็ตาม
ด้านอีกคู่ที่ลงเตะหว่างกลาง เนเธอร์แลนด์ ลงดวล เซเนกัล ที่ไร้ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งถอนตัวไปจากฟุตบอลโลกเมื่อไม่กี่วันก่อน และต้องลุ้นหนักกว่าที่จะมาได้ประตูนำจากลูกโขกตัดหน้านายทวาร เอดูอาร์ เมนดี้ ของ โคดี้ กัคโป น.84 จากนั้นจึงปิดกล่องกำชัยเบ็ดเสร็จ 2-0 จากลูกซัดของ ดาวี่ คลาสเซ่น ทดเจ็บ 90+9
กลุ่มเอหลังจบเกมแรก เนเธอร์แลนด์ กับ เอกวาดอร์ ยืนจ่าฝูงร่วมด้วยการมี 3 แต้มและประตูได้เสีย +2 ทั้งคู่ เช่นเดียวกับที่ เซเนกัล และเจ้าภาพ กาตาร์ ไม่มีแต้มพร้อมผลต่าง -2